7 จุดที่ควรตรวจเช็กก่อนติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปในโรงงานของคุณ

7 จุดที่ควรตรวจเช็กก่อนติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปในโรงงานของคุณ

7 สิ่งที่หลายๆคนมองข้ามก่อนการติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูป

ปัจจุบันเราจะพบว่าในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือ แม้แต่สินค้าเกษตร “ห้องเย็นสำเร็จรูป” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาคุณภาพของสินค้าให้สดใหม่ และ ปลอดภัยตามมาตรฐานอยู่เสมอ แต่รู้หรือ ไม่ว่า การติดตั้งห้องเย็นไม่ใช่แค่เลือกขนาด หรือ ยี่ห้อคอมเพรสเซอร์เพียงเท่านั้น แต่หากตรวจเช็กไม่รอบคอบตั้งแต่ต้น อาจทำให้ระบบทำความเย็นทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เสียพลังงานมาก และ เกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ดังนั้น ก่อนจะเริ่มติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปในโรงงานของคุณ ลองมาดูกันว่า “7 จุดสำคัญ” ที่ควรตรวจสอบให้พร้อมมีอะไรบ้าง เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่า ปลอดภัย และตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวที่สุด

แนะนำ 7 สิ่งสำคัญในการตรวจเช็กก่อนติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูป

  1. ตรวจสอบพื้นที่ และ สภาพแวดล้อมหน้างาน
    พื้นที่ติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูป คือ จุดเริ่มต้นที่หลายๆคนมองข้าม ทั้งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของห้องเย็นโดยตรงก็ตาม โดยสิ่งที่ควรตรวจเช็ก ได้แก่:

    • ขนาดพื้นที่: ต้องวัดขนาดพื้นที่จริงให้แม่นยำ ทั้งความกว้าง ยาว และ สูงก่อนเสมอ เพื่อให้สามารถประกอบแผ่นฉนวน (Sandwich Panel) ได้พอดี ไม่เกิดช่องว่างที่อาจทำให้ความเย็นรั่วซึมได้
    • พื้น และ โครงสร้าง: พื้นควรรองรับน้ำหนักได้ดี โดยเฉพาะหากต้องเก็บสินค้าในปริมาณมากๆ หรือ ใช้รถโฟล์กลิฟต์เข้าออกเสมอ
    • การระบายน้ำ: ต้องมีระบบระบายน้ำที่ดี ป้องกันน้ำขังซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อรา และ กลิ่นไม่พึงประสงค์
    • สภาพแวดล้อมรอบข้าง: ควรตรวจสอบว่าบริเวณนั้นไม่มีแหล่งความร้อนสูงอื่นๆ เช่น หม้อไอน้ำ หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป หากพื้นที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้น ต่อให้ใช้วัสดุ หรือ เครื่องทำความเย็นเกรดดีแค่ไหน ก็อาจไม่สามารถรักษาอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง
  2. เช็กประเภทของสินค้าที่จะเก็บในห้องเย็น
    ก่อนเลือกอุณหภูมิ และ ระบบทำความเย็นของห้องเย็นสำเร็จรูป ต้องรู้ก่อนว่าสินค้าที่จะเก็บ คือ อะไร เพราะสินค้าทุกประเภทมี “อุณหภูมิที่เหมาะสม” ที่ต่างกัน โดยหากติดตั้งอุณหภูมิไม่ถูกต้อง อาจทำให้สินค้าชำรุด เสื่อมคุณภาพ หรือ ไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ได้ นอกจากนี้ ยังควรพิจารณา ปริมาณสินค้า และ ความถี่ในการเปิด-ปิดประตูห้องเย็น เพราะมีผลต่อขนาดของเครื่องทำความเย็น และ การไหลเวียนของอากาศในระบบได้ เช่นกัน
  3. ตรวจสอบวัสดุฉนวน และ แผ่นผนัง (Sandwich Panel)
    หัวใจสำคัญของห้องเย็นสำเร็จรูปอยู่ที่ “ฉนวนกันความร้อน” ซึ่งทำหน้าที่เก็บความเย็นภายในห้องให้คงที่ แล ะลดการสูญเสียพลังงาน โดยวัสดุที่นิยมใช้ในห้องเย็นสำเร็จรูป มีดังนี้

    • PU (Polyurethane): เป็นฉนวนยอดนิยมเพราะมีค่าการนำความร้อนที่ต่ำ (K-Value) น้ำหนักเบา และมีความแข็งแรงจากความหนาแน่นที่ 2.50 ปอนด์/ลบ.ฟ.
    • EPS (Expanded Polystyrene): มีราคาถูกกว่า แต่ใช้ความหนาแผ่นมากกว่า แผ่น PU ด้วยอุณหภูมิต่ำที่เท่ากัน เนื่องจากค่าการนำความร้อนสูงกว่า
    • PIR (Polyisocyanurate): มีคุณสมบัติกันไฟมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงเหมาะกับโรงงานที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยสูง

อีกสิ่งที่ควรตรวจเช็กเพิ่มเติม ได้แก่ 

    • ความหนาของฉนวนควรอยู่ที่ระหว่าง 75 – 150 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิใช้งาน และประเภทของฉนวนฯ
    • ตรวจสอบรอยต่อแผ่น Sandwich Panel ต้องแนบสนิท ไม่มีช่องอากาศใดๆ
    • ตรวจสอบการเคลือบผิว เช่น Galvanized Steel หรือ Stainless Steel เพื่อป้องกันสนิม และ ให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
  1. ตรวจสอบระบบทำความเย็น (Refrigeration System)
    ระบบทำความเย็นเป็นส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของห้องเย็นสำเร็จรูป และ เป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพโดยรวมอีกด้วย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบจุดสำคัญดังนี้

    • ชนิดของคอมเพรสเซอร์: เช่น แบบลูกสูบ (Reciprocating), แบบสกรู (Screw) หรือ Scroll ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีที่ต่างกัน
    • สารทำความเย็น (Refrigerant): ควรเลือกสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น R404A, R134a หรือ R290
    • คอยล์เย็น และ คอยล์ร้อน: ต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ และ ปริมาณสินค้าที่จัดเก็บ
    • ระบบควบคุมอุณหภูมิ: ควรเป็นระบบอัตโนมัติที่ตั้งค่า และ แจ้งเตือนได้อัตโนมัติ
    • ตำแหน่งติดตั้งคอมเพรสเซอร์: ต้องมีการระบายอากาศที่ดี ไม่อับชื้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์

หากละเลยการตรวจสอบ ระบบอาจทำงานเกินกำลัง ทำให้กินไฟสูง หรือ ชำรุดก่อนเวลาได้นั้นเอง

  1. เช็กระบบไฟฟ้า และ ความปลอดภัย
    การติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปต้องใช้ระบบไฟที่มีความเสถียร และ ปลอดภัย เพราะเครื่องทำความเย็นต้องมีการใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องตลอดเวลา โดยสิ่งที่ควรตรวจสอบ มีดังนี้

    • สายไฟ และ เบรกเกอร์ต้องรองรับกำลังไฟของคอมเพรสเซอร์ได้เหมาะสม
    • ควรมีระบบไฟสำรอง (UPS) หรือ เครื่องปั่นไฟในกรณีไฟดับ เพื่อป้องกันอุณหภูมิในห้องเปลี่ยนแปลง
    • ควรติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
    • ควรตรวจสอบการเดินสายดินเพื่อป้องกันไฟดูด
    • ควรติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าค่าที่ตั้งไว้
  2. ตรวจสอบประตู และ ระบบซีลความเย็น
    ประตูของห้องเย็นสำเร็จรูป คือ จุดที่มักเกิดการรั่วไหลของความเย็นมากที่สุด หากซีลไม่แน่น ความเย็นจะออกนอกห้อง ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้นได้ ซึ่งสิ่งที่ควรเช็กก่อนติดตั้ง มีดังนี้

    • ประตูควรมีซีลยาง (Gasket) รอบขอบที่แน่นหนา
    • ระบบล็อกต้องแข็งแรง และ เปิด-ปิดง่าย
    • มีฮีตเตอร์กันน้ำแข็งเกาะบริเวณขอบประตู
    • หากต้องเปิดบ่อยๆ ควรติดตั้งม่าน PVC หรือ ประตูอัตโนมัติเพื่อป้องกันอากาศรั่ว
  3. ตรวจสอบระบบบำรุงรักษา และ บริการหลังการขาย
    หลังจากการติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปเสร็จแล้ว ระบบห้องเย็นต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อยืดอายุการใช้งาน ก่อนตัดสินใจเลือกผู้ติดตั้ง ควรตรวจสอบ ดังนี้

    • มีทีมช่างบริการหลังการขาย 24 ชั่วโมง หรือ ไม่
    • มีอะไหล่สำรอง และ ศูนย์ซ่อมในประเทศ
    • มีโปรแกรมตรวจเช็กสภาพเครื่องรายปีไหม
    • มีใบรับประกันสินค้าทั้งตัวเครื่อง และ ฉนวนไหม

การเลือกบริษัทที่มีบริการหลังการขายครบถ้วน จะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

จะเห็นได้ว่าการติดตั้งห้องเย็นสำเร็จรูปในโรงงานเป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องอาศัยความรอบคอบทุกขั้นตอน การตรวจเช็กทั้ง พื้นที่, วัสดุ, ระบบทำความเย็น, ระบบไฟ, และ บริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ห้องเย็นของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และ ยืดอายุการใช้งานได้นานที่สุด โดยอย่าลืมว่า “ห้องเย็นที่ดี” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคา หรือ ขนาดเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และ การติดตั้งที่ได้มาตรฐานตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นหากสนใจห้องเย็นสำเร็จรูปที่มาจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานเราขอแนะนำ บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด ผู้ให้บริการติดตั้งงานโครงการอุตสาหกรรมห้องเย็นสำเร็จรูป และ จำหน่ายผนังโฟมกันความร้อน ผนัง Sandwich Panel กว่า 30 ปี นอกจากการติดตั้งโครงการที่มีความเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมห้องเย็นของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันความร้อน และ ลดการสูญเสียพลังงาน เนื่องจากเป็นโฟมชนิด “F-grade” เป็นเกรดที่ไม่ลามไฟที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย และเราพร้อมให้บริการ และ คำปรึกษาโดยทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการ

 


 

ติดต่อสอบถาม

บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด
4/6 หมู่ 12 ถ.ลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150

Tel: 02-569-2328 | Mobile: 065-178-8882 | Line: @bcfpanel