เปรียบเทียบฉนวนกันความร้อนแต่ละชนิด: พียูโฟม vs ใยแก้ว vs โฟม PE

ฉนวนกันความร้อน

แนะนำการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนแต่ละชนิดให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม

ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นทุกปี ค่าพลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการเลือกใช้ “ฉนวนกันความร้อน” ที่เหมาะสมจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเพื่อความสบายในการอยู่อาศัย ลดต้นทุนด้านพลังงาน และ ช่วยยืดอายุวัสดุก่อสร้าง การเลือกวัสดุฉนวนที่ตอบโจทย์การใช้งานจึงต้องอาศัยความเข้าใจทั้งด้านคุณสมบัติทางเทคนิค ราคา อายุการใช้งาน และ ความปลอดภัย ดังนั้นเราขอเสนอบทความนี้ที่เราจะเจาะลึกเปรียบเทียบฉนวนกันความร้อน 3 ชนิดยอดนิยม ได้แก่ พียูโฟม (PU Foam), ใยแก้ว (Fiberglass) และ โฟม PE (Polyethylene Foam) พร้อมทั้งคำแนะนำวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และ งบประมาณ

ทำความเข้าใจพื้นฐานของฉนวนกันความร้อน

โดยก่อนอื่นเราควรทราบก่อนว่า ฉนวนกันความร้อน คือ วัสดุที่มีคุณสมบัติลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร หรือ จากภายในออกไปภายนอก โดยเป็นการลดการนำความร้อน (Conductive Heat Transfer) และ ลดการแผ่รังสีความร้อน (Radiative Heat Transfer) ลงซึ่งเกณฑ์พิจารณาฉนวนที่ดีจะประกอบไปด้วย ค่า R-Value เป็นค่าความต้านทานความร้อน (ค่ายิ่งสูง ยิ่งกันความร้อนได้ดี) , ความคงทนต่อความชื้น , ความปลอดภัยจากไฟ , ความสามารถในการติดตั้ง , อายุการใช้งาน และ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เปรียบเทียบฉนวนกันความร้อนแต่ละชนิด พียูโฟม vs ใยแก้ว vs โฟม PE

  1. ฉนวนกันความร้อนพียูโฟม (PU Foam)
    ฉนวนกันความร้อนพียูโฟมนั้นจะมีคุณสมบัติที่เป็นฉนวนประเภทโฟมแข็ง ที่ได้จากการผสมสารเคมี 2 ชนิดประกอบด้วย กาวขาว (Polyol) และกาวดำ (Isocyanates) แล้วผ่านกระบวนการฉีดในแม่พิมพ์แผ่นฉนวนฯ  ให้เกิดการแข็งตัวแข็งตัว โดยจะมีค่า R-Value ที่สูงมาก หมายความว่ามีคุณสมบัติการป้องกันความร้อน ซึ่งค่ายิ่งมากยิ่งดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และยึดเกาะพื้นผิวเหล็กของแผ่นฉนวนฯได้ดีเยี่ยมซึ่งฉนวนประเภทนี้จะมีข้อดีที่กันความร้อนได้ดีเยี่ยม แถมยังช่วยกันเสียงได้ดีในระดับหนึ่ง โดยมีความคงทน และ อายุการใช้งานยาวนาน 10–20 ปีขึ้นไปแต่ฉนวนกันความร้อนพียูโฟมก็มีข้อจำกัดเช่นกันตั้งแต่การมีราคาสูงกว่าฉนวนทั่วไป อีกทั้งยังต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการผลิต ทำให้เหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม / ห้องเย็น / หลังคาเหล็ก และ อาคารพาณิชย์ที่ต้องการฉนวนประสิทธิภาพสูงนั้นเอง
  2. ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว (Fiberglass)
    ฉนวนกันความร้อนใยแก้วนั้นมีคุณสมบัติที่ถูกผลิตจากเส้นใยแก้วที่ถูกหลอม และ ปั่นให้เป็นเส้นขนาดเล็ก ที่มีความยืดหยุ่น และยังมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาย่อมเยาอีกด้วยทำให้ฉนวนกันความร้อนใยแก้วมีข้อดีที่กันความร้อน และ เสียงได้ดีในระดับที่เหมาะสม โดยมีราคาไม่สูงมาก เหมาะกับงานโครงการขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบ เช่น แบบม้วน, แผ่น หรือ แบบหุ้มอลูมิเนียมฟอยล์ และ ไม่ติดไฟง่ายอีกด้วยแต่ก็มีข้อจำกัดที่มีความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว และ ทางเดินหายใจในขณะติดตั้ง อีกทั้งหากเมื่อเปียกน้ำจะเสื่อมคุณสมบัติ และ อาจเกิดเชื้อราได้ และ ยังต้องติดตั้งอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการแทรกของอากาศอีกด้วย ทำให้ฉนวนกันความร้อนใยแก้วเหมาะกับการใช้ในอาคารพักอาศัยทั่วไป / โครงการหมู่บ้านจัดสรร / อาคารสำนักงานที่มีงบจำกัด นั้นเอง
  3. ฉนวนกันความร้อนโฟม PE (Polyethylene Foam)
    ฉนวนกันความร้อนโฟม PE นั้นมีคุณสมบัติเป็นโฟมชนิดเซลล์ปิด ผลิตจากโพลีเอทิลีน มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งมักมีชั้นสะท้อนความร้อน เช่น อลูมิเนียมฟอยล์เคลือบด้านหน้าทำให้ฉนวนชนิดนี้มีข้อดีที่ราคาถูก ติดตั้งง่ายมาก อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ไม่เปราะ หรือ หักง่าย ยังทนน้ำ ทนความชื้นได้ดี และ ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา และ แบคทีเรียแต่ฉนวนกันความร้อนโฟม PE ก็มีข้อจำกัดที่กันความร้อนได้ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการฉนวนประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานกลางแจ้งโดยหากไม่มีการป้องกันแสง UV อีกด้วย ทำให้เหมาะกับการใช้งานในบ้านอยู่อาศัยทั่วไป / คอนโด / อาคารที่ต้องการกันความร้อนในงบจำกัด

แนวทางการเลือกฉนวนกันความร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน

หากต้องการเลือกพิจารณาฉนวนกันความร้อนจากสถานที่ติดตั้งนั้น หากต้องการติดตั้งใต้หลังคา การใช้ PU Foam หรือ ใยแก้วหุ้มฟอยล์ จะเหมาะสมกว่า แต่หากติดตั้งบนผนังภายใน การใช้PE Foam หุ้มฟอยล์ หรือ PU Foam จะดีกว่า และ หากเป็นการใช้ในห้องเย็นควรเลือกใช้ PU Foam เท่านั้น

ต่อมาหากต้องพิจารณาจากงบประมาณ โดยหากงบประมาณไม่มากพอการเลือกใช้ ฉนวนกันความร้อนโฟม PE จะเหมาะสม หากมีงบประมาณปานกลางการเลือกใช้ใยแก้วก็ดีกว่า และ หากมีงบประมาณสูง / ต้องการประสิทธิภาพสูง ควรใช้พียูโฟม เหมาะสมที่สุด

สุดท้ายในการเลือกพิจารณาฉนวนกันความร้อนจากความสะดวกในการติดตั้งนั้นหากต้องการติดตั้งเองการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนโฟม PE จะเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการติดตั้ง โดยช่างมืออาชีพ ควรเลือกฉนวนกันความร้อน PU Foam หรือ ใยแก้ว ดีกว่า
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าการเลือกฉนวนกันความร้อนไม่ควรมองแค่ “ราคา” แต่ต้องพิจารณาทั้งด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งาน ความเหมาะสมกับสถานที่ และ งบประมาณร่วมด้วย โดยเราจะพบว่าฉนวนกันความร้อน PU Foam เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉนวนคุณภาพสูง มีความคุ้มค่าในระยะยาว ฉนวนกันความร้อนใยแก้วเหมาะกับอาคารทั่วไปที่ต้องการสมดุลระหว่างราคา และ คุณภาพ
และ ฉนวนกันความร้อนโฟม PE เหมาะกับผู้ที่มีงบจำกัด ติดตั้งง่าย เหมาะกับการใช้งานเบื้องต้น ดังนั้นหากต้องการฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพเราขอแนะนำ บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด ผู้ให้บริการติดตั้งงานโครงการอุตสาหกรรมห้องเย็น และ จำหน่ายฉนวนกันความร้อน Sandwich Panel กว่า 30 ปี
นอกจากการติดตั้งโครงการที่มีความเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมห้องเย็นโฟมกันความร้อนของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันความร้อน และ ลดการสูญเสียพลังงาน เป็นเกรดที่ไม่ลามไฟที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย และเราพร้อมให้บริการ และ คำปรึกษาโดยทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการ

 


ติดต่อสอบถาม

บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด

4/6 หมู่ 12 ถ.ลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150

Tel: 02-569-2328 | Mobile: 065-178-8882 | Line: @bcfpanel