ผนัง PU Foam กับงานห้องเย็น

ผนัง PU Foam กับงานห้องเย็น

ทำไมหลายๆอุตสาหกรรมจึงเลือกผนัง PU Foam มาใช้กับห้องเย็น

ในปี 2025 ที่อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ และ โลจิสติกส์ในประเทศไทยได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ห้องเย็น (Cold Room) ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการเก็บรักษาสินค้าที่ต้องการอุณหภูมิต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ ยาเวชภัณฑ์ หรือ สินค้าที่เน่าเสียง่าย หนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับผนังห้องเย็นคือ PU Foam (Polyurethane Foam) ซึ่งเป็นโฟมฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ผนัง PU Foam ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในห้องเย็นให้คงที่ แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และ เพิ่มความทนทานให้กับโครงสร้าง ดังนั้นบทความนี้จะเจาะลึกถึงการใช้งานผนัง PU Foam ในงานห้องเย็นอย่างละเอียด โดยครอบคลุมถึงคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ และ สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าผนัง PU Foam เหมาะสมกับโครงการห้องเย็นของคุณ หรือ ไม่

ทำความรู้จัก PU Foam คืออะไร? และ ทำไมถึงเหมาะกับงานห้องเย็น

PU Foam หรือ Polyurethane Foam เป็นวัสดุโฟมสังเคราะห์ที่ผลิตจากการผสมระหว่าง Polyol และ Isocyanate ซึ่งเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากภายในโครงสร้าง โฟมนี้มีลักษณะเป็นเซลล์ปิด (Closed-Cell) ที่ช่วยกักเก็บก๊าซภายใน ทำให้มีคุณสมบัติฉนวนกันความร้อน (Thermal Insulation) ที่ยอดเยี่ยม โดยมีค่า K-Value (ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน) อยู่ที่ 0.022 W/m.K ช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในงานห้องเย็น PU Foam มักถูกนำมาใช้ในรูปแบบแผ่นผนัง เพดาน รวมถึงพื้น โดยแผ่นผนัง และเพดานประกอบด้วยชั้นโฟม PU ประกบด้วยแผ่นโลหะ เช่น เหล็กเคลือบสี หรือ สเตนเลส ทำให้แผ่นมีความแข็งแรง ทนทาน และ สามารถติดตั้งได้รวดเร็ว ห้องเย็นที่ใช้ผนัง PU Foam จะสามารถรักษาอุณหภูมิได้ต่ำถึง -40°C ส่วนการนำมาใช้งานเป็นแผ่นพื้น ยังช่วยให้สามารถรับน้ำหนักแรงกด (Compressive Strength) ได้มากถึง 20ตัน/ตารางเมตร อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากปูนภายนอกไหลเข้าสู่ภายในห้องเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการการเก็บรักษาสินค้าที่อุณหภูมิต่ำ เช่น โรงงานอาหารทะเล โกดังผลไม้ หรือ คลังยา ทำให้ PU Foam เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุดในห้องเย็นเพราะมีประสิทธิภาพของฉนวนสูง และ น้ำหนักเบา 

คุณสมบัติเด่นของผนัง PU Foam ในงานห้องเย็น

เราจะพบว่าผนัง PU Foam นั้นมีคุณสมบัติที่ทำให้เหมาะสมกับงานห้องเย็นหลายๆประการ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. เป็นฉนวนกันความร้อนที่ยอดเยี่ยม: PU Foam มีค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน (K-Value) ต่ำเพียง 0.022-0.024 W/mK ซึ่งดัชนีค่านี้บ่งบอกถึง ความสามารถที่จะทำให้ห้องเย็นรักษาอุณหภูมิได้ดี ช่วยลดการสูญเสียพลังงานได้ด้วย โดยค่ายิ่งต่ำยิ่งดี
  2. น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง: แผ่น PU Panel จะมีน้ำหนักเพียง 15-20 กก./ตร.ม. แต่รับน้ำหนักได้สูงถึง 20ตัน/ตร.ม. (ค่า Compressive Strength) ทำให้ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา และ ลดภาระต้นทุนโครงสร้างจากเหล็กรูปพรรณได้อีกด้วย
  3. คุณสมบัติกันน้ำ และ ความชื้น: โครงสร้างเซลล์ PU Foam ปิดทำให้ไม่ดูดซึมน้ำ เนื่องจากมีเนื้อโฟมแบบเซลล์ปิด (closed-cell)  ป้องกันการเกิดเชื้อรา และ การกัดกร่อน ซึ่งสำคัญสำหรับห้องเย็นที่ความชื้นสูง
  4. ทนต่อสารเคมี และ การกัดกร่อน: PU Foam มีคุณสมบัติทนต่อกรด ด่าง และ สารเคมีทั่วไป ทำให้เหมาะกับห้องเย็นที่เก็บสารอาหาร หรือ ยา
  5. ติดตั้งรวดเร็ว: แผ่น PU Panel จะใช้ระบบ Joint-Lock ทำให้ประกอบได้ง่าย ช่วยลดเวลา และ ค่าแรงงานลง นอกจากนี้บริษัท บีซีเอฟ พาแนล ยังพัฒนาด้วยการติดตั้งระบบ Speed-Lock เพื่อให้เกิดความแข็งแรงในการติดตั้งมากขึ้น
  6. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ในปี 2025 วัสดุ PU Foam จะใช้สารเป่าฟอง HFC-Free ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ สามารถรีไซเคิลได้บางส่วน เนื่องจากมีการใช้สูตรกาวที่มีส่วนผสมของ Cyclopantane ซึ่งเป็นสารที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีค่า GWP (Global Warming Potential) ที่ต่ำตามมาตรฐานสากล
  7. ความหนาที่ปรับได้: ความหนาของ PU Foam มีให้เลือกตั้งแต่ 1.65 นิ้ว ถึง 6 นิ้ว โดยความหนาสามารถเลือกให้เหมาะกับอุณหภูมิที่ต้องการได้ เช่น 4 นิ้ว สำหรับห้องเย็น (Chill Room) -10°C และ 6 นิ้ว สำหรับห้องแช่แข็ง (Air Blast Freezer Room) -30°C 

โดยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ผนัง PU Foam เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับห้องเย็นในประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมส่งออกที่ต้องการมาตรฐานสูง

รู้จักกับข้อจำกัดของการใช้ผนัง PU Foam ในงานห้องเย็น

แม้การใช้ผนัง PU Foam จะมีข้อดีมาก แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา เช่นเดียวกัน ได้แก่

  1. ต้นทุนเริ่มต้นสูง: ราคาของแผ่น PU Panel นั้นจะสูงกว่า EPS ประมาณ 20-30% ทำให้ไม่เหมาะกับโครงการที่มีงบจำกัด
  2. ปัญหาการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง: หากติดตั้ง PU Foam ไม่แน่นสนิทอาจเกิดช่องว่าง ทำให้สูญเสียความเย็น และ เพิ่มค่าไฟฟ้าได้
  3. น้ำหนักของแผ่น: แม้ผนัง PU Foam จะเบาแต่เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่น EPS Foam จะมีน้ำหนักที่เบากว่า
  4. ข้อจำกัดในอุณหภูมิสูงสุด: แม้ผนัง PU Foam จะทนความเย็นได้แต่ไม่เหมาะกับห้องที่อุณหภูมิสูงกว่า 80°C

จากที่กล่าวมาจะพบว่า ผนัง PU Foam เป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานห้องเย็น ด้วยประสิทธิภาพ

การเป็นฉนวนสูง ประหยัดพลังงาน และ ติดตั้งง่าย แม้มีข้อเสียอย่างการมีต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่ข้อดีมีมากกว่า หากคุณกำลังสร้างห้องเย็น แนะนำให้เลือก PU Foam ที่มีความหนาที่เหมาะสมและ ผู้ติดตั้งมืออาชีพเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งในปี 2025 PU Foam จะยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับอุตสาหกรรมในประเทศไทย ดังนั้นหากสนใจ ผนัง PU Foam เราขอแนะนำ บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด ผู้ให้บริการติดตั้งงานโครงการอุตสาหกรรมห้องเย็น และ จำหน่ายผนัง PU Foam Sandwich Panel กว่า 30 ปี นอกจากการติดตั้งโครงการที่มีความเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมห้องเย็นของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันความร้อน และ ลดการสูญเสียพลังงาน เนื่องจากเป็นโฟมชนิดไม่ลามไฟที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย และเราพร้อมให้บริการ และ คำปรึกษาโดยทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการ

 


 

ติดต่อสอบถาม

บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด
4/6 หมู่ 12 ถ.ลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150

Tel: 02-569-2328 | Mobile: 065-178-8882 | Line: @bcfpanel