ลดค่าไฟหน้าร้อน! วัสดุกันความร้อนช่วยได้อย่างไรบ้าง?

วัสดุกันความร้อน

ประโยชน์ของวัสดุกันความร้อนที่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้

ปัจจุบันในประเทศไทย ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับหลายๆครัวเรือน และ สถานประกอบการ เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ การเลือกใช้วัสดุกันความร้อนที่เหมาะสมจะสามารถเป็นทางเลือกที่ช่วยลดการใช้พลังงาน และประหยัดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจว่าวัสดุกันความร้อนคืออะไร มีประเภทใดบ้าง และ ช่วยลดค่าไฟในช่วงหน้าร้อนได้อย่างไรบ้างกัน

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวัสดุกันความร้อน และ ค่าไฟในหน้าร้อน

เราจะพบว่าในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย อุณหภูมิอาจสูงถึง 35-40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม ความร้อนจากภายนอกจะถ่ายเทเข้าสู่อาคารผ่านผนัง หลังคา และหน้าต่าง ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักอย่างมากเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้เย็นสบาย จากข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การใช้เครื่องปรับอากาศในครัวเรือนสามารถคิดเป็น 50-70% ของค่าไฟทั้งหมดในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะในบ้าน หรือ อาคารที่ไม่มีวัสดุกันความร้อนที่ดี

ทำให้วัสดุกันความร้อนได้มามีบทบาทสำคัญในการลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร โดยทำงานผ่านกลไกสามประการหลัก ได้แก่

  1. การต้านทานความร้อน (Thermal Resistance): เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติกันต้านทานความร้อนไม่ให้ไหลเข้ามาภายในอาคาร
  2. การนำความร้อน (Thermal Conductivity): เกี่ยวข้องกับการช่วยลดการนำความร้อน ซึ่งฉนวนกันความร้อนแต่ละประเภทมีค่าที่เรียกว่า “ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน” ที่แตกต่างกัน
  3. การถ่ายเทความร้อน (Thermal Transmittance): เกี่ยวข้องกับการถ่ายเทความร้อน เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนของวัสดุฉนวนฯแต่ะชนิดที่มีความแตกต่างกัน

ดังนั้นการใช้วัสดุกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง และ ลดค่าไฟได้ในระยะยาวได้นั้นเอง

รู้จักกับวัสดุกันความร้อนคืออะไร?

ต้องเข้าใจก่อนว่าวัสดุกันความร้อน (Thermal Insulation Materials) คือ วัสดุที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนระหว่างภายใน และ ภายนอกอาคาร โดยอาจทำงานในรูปแบบฉนวนกันความร้อน (insulation) วัสดุเหล่านี้มักใช้ในส่วนต่างๆ ของอาคาร เช่น หลังคา ผนัง ฝ้าเพดาน หรือ หน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดด และ รักษาอุณหภูมิภายในให้คงที่

ต่อมาคุณสมบัติของวัสดุกันความร้อนที่ดีนั้นควรมีค่าการนำความร้อนต่ำ (Low Thermal Conductivity) เพื่อช่วยลดการถ่ายเทความร้อนผ่านวัสดุสู่อีกด้าน , ควรมีความสามารถในการต้านทานความร้อน (Thermal Resistance) เพื่อป้องกันรังสีความร้อนจากแสงแดดภายนอก , มีความทนทานสูงเพื่อทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น และ การใช้งานระยะยาวได้ , มีน้ำหนักเบาเพื่อช่วยลดภาระโครงสร้างของอาคารลง และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุที่ยั่งยืน และ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษนั้นเอง

ประเภทของวัสดุกันความร้อน

  1. EPS Foam (Expanded Polystyrene Foam)
    วัสดุกันความร้อน EPS Foam นั้นมีลักษณะเป็นโฟมขาวที่มีน้ำหนักเบา ผลิตจากโพลีสไตรีนขยายตัวได้ทำจากโฟม เกรด F-Grade (ไม่ลามไฟ) โดยมีคุณสมบัติสามารถป้องกันความร้อน ลดการสูญเสียพลังงาน ทนทานต่อไฟ ราคาประหยัด เหมาะสำหรับผนัง และ ฝ้าเพดานในอาคารทั่วไป จึงนิยมการใช้งานในงานก่อสร้าง โกดัง ห้องเย็น และ ห้องคลีนรูม
  2. PU Foam (Polyurethane Foam)
    วัสดุกันความร้อน PU Foam นั้นมีลักษณะเป็นโฟมเหลืองที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนชั้นเลิศ อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยม กันน้ำซึม ป้องกันเชื้อรา และแบคทีเรีย โดยเป็นมาตรฐาน Food Grade ทำให้การใช้งาน เหมาะสำหรับห้องเย็น ห้องคลีนรูม และโรงงานอาหารที่ต้องการความสะอาด และ ควบคุมอุณหภูมิ
  3. PIR Foam (Polyisocyanurate Foam)
    วัสดุกันความร้อน PIR Foam นั้นมีลักษณะเป็นโฟมที่มีความทนทานต่อความร้อน และ ไฟสูงกว่า PU Foam มีโครงสร้างที่เซลล์ปิด จึงมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการลุกลามของไฟได้ดีเยี่ยม ลดความร้อนได้ถึง 97% ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน และ มีมาตรฐานสากล จึงเหมาะกับการใช้งานในห้องเย็น ห้องคลีนรูม และ โรงงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น อุตสาหกรรมยา และ อาหาร

วัสดุกันความร้อนช่วยลดค่าไฟได้อย่างไร?

  1. ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
    วัสดุกันความร้อนนั้นจะช่วยลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่อาคารผ่านหลังคา ผนัง และ หน้าต่าง ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานลดลง ตัวอย่างเช่น การติดตั้งแผ่นฉนวนกันความร้อน (Sandwich Panel) ในฝ้าเพดานจะสามารถลดอุณหภูมิภายในได้ 3-5 องศาเซลเซียส กรณีที่ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศได้ถึง 20-30% ทีเดียว
  2. ลดการสูญเสียความเย็น
    ในอาคารที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ความเย็นภายในอาจสูญเสียผ่านผนัง หรือ หลังคาที่ไม่มีฉนวน วัสดุกันความร้อน เช่น โฟมโพลียูรีเทน จะช่วยกักเก็บความเย็นไว้ภายใน ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเพื่อชดเชยความเย็นที่สูญเสียไป
  3. ลดอุณหภูมิพื้นผิว
    สีสะท้อนความร้อน และ ฟอยล์สะท้อนความร้อนนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิของพื้นผิวหลังคา และ ผนังได้ ตัวอย่างเช่น หลังคาที่ทาด้วยสีสะท้อนความร้อนอาจมีอุณหภูมิพื้นผิวลดลงจาก 60 องศาเซลเซียส เหลือเพียง 40 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่อาคารได้
  4. การประหยัดพลังงานในระยะยาว
    จากการศึกษาของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และ อนุรักษ์พลังงาน (พพ.) การติดตั้งวัสดุกันความร้อนในอาคารพาณิชย์จะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 10-15% ต่อปี ในครัวเรือน การใช้ฉนวน และ วัสดุสะท้อนความร้อนอาจช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 500-2,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้าน และการใช้งาน

จากที่กล่าวมาจะพบว่าการใช้วัสดุกันความร้อนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดค่าไฟในช่วงหน้าร้อนได้อย่างดี โดยช่วยลดการถ่ายเทความร้อน ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และ เพิ่มความสะดวกสบายภายในอาคาร วัสดุกันความร้อน นั้นได้มีบทบาทสำคัญในการประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เหมาะสำหรับใช้ในบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ โรงงาน และ อาคารสาธารณะ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายเริ่มต้น และ การบำรุงรักษา แต่ประโยชน์ที่ได้รับทั้งในด้านการเงิน และ สิ่งแวดล้อมทำให้วัสดุกันความร้อนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดังนั้นหากสนใจในการใช้วัสดุกันความร้อนประเภทต่างๆนั้นเราขอแนะนำ บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด ผู้ให้บริการติดตั้งงานโครงการอุตสาหกรรมห้องเย็น และ จำหน่ายวัสดุกันความร้อน Sandwich Panel กว่า 30 ปี นอกจากการติดตั้งโครงการที่มีความเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมห้องเย็นของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันความร้อน และ ลดการสูญเสียพลังงาน เนื่องจากเป็นโฟมชนิด “F-grade” เป็นเกรดที่ไม่ลามไฟที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย และเราพร้อมให้บริการ และ คำปรึกษาโดยทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการ

 


ติดต่อสอบถาม

บริษัท บีซีเอฟ พาแนล จำกัด

4/6 หมู่ 12 ถ.ลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา ปทุมธานี 12150

Tel: 02-569-2328 | Mobile: 065-178-8882 | Line: @bcfpanel